ร่มบ่อสร้าง-ร่มกระดาษสา
ร่มประเภทดังกล่าวนี้จะนำไปถวายวัดในฤดูเทศกาลประเพณีต่างๆ
ต่อมาการทำร่มได้มีการขยายตัวขึ้น ชาวบ้านจึงได้ทำร่มเพื่อจำหน่ายกันทั่วไปในตลาด
และยังได้มีการพัฒนาแบบอย่าง
และวิธีการให้มีมากขึ้นตามความต้องการของท้องตลาดอีกด้วย
ปัจจุบันนี้การทำร่มที่หมู่บ้านบ่อสร้างแบ่งออก
เป็น 3 ประเภท คือ การทำร่มผ้าฝ้าย การทำร่มแพร
การทำร่มกระดาษ
วิธีการทำกระดาษสา
กระดาษที่ใช้คลุมร่มนั้น
ผู้ผลิตสามารถผลิตขึ้นใช้เองจากเปลือกของต้นไม้ชนิดหนึ่งซึ่งเรียกกันตามภาษาพื้นบ้านว่า
ต้นสา หรือที่ ภาคกลางเรียกกันว่าต้นปอกระสา ต้นไม้ชนิดนี้มีอยู่ทั่วไปในภาคเหนือ
วิธีการทำร่มกระดาษของเปลือกจากต้นสานั้น เริ่มจากนำ เปลือกสาที่ได้มาแช่ในน้ำทิ้งไว้ประมาณ
24 ชั่วโมงแล้วนำไปต้มกับขี้เถ้าประมาณ 3-4 ชั่วโมง จนเห็นว่าเปื่อยดีแล้ว จึงนำออกมา
ล้างให้สะอาด แล้วนำมาทุบ
ให้ละเอียดนำไปแช่ในอ่างน้ำซึ่ง ก่อด้วยซีเมนต์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดประมาณ 2 x 3 เมตร และลึก ประมาณครึ่งเมตร บรรจุน้ำประมาณครึ่งถัง
ใช้ไม้คนให้ทั่ว แล้วใช้ตะแกรงขนาดตามที่ต้องการ ซึ่งส่วนมากมีขนาดประมาณ
40 x 60 ซ.ม.
ตักเยื่อเปลือกไม้ในน้ำขึ้นมาแล้วตากแดดให้แห้งเมื่อเนื้อเยื่อของเปลือกสาที่ตากทิ้งไว้
ไว้แห้งดีแล้ว จึงค่อยๆ ลอก ออกมาก็จะได้กระดาษเป็นแผ่น
เรียกกันว่ากระดาษสาซึ่งสามารถนำไปใช้หุ้มร่มต่อไป
ส่วนประกอบของร่มบ่อสร้าง
โครงร่มประกอบด้วยส่วนต่างๆดังนี้
หัวร่ม และตุ้มร่ม
ได้แก่ไม้โมก
การทำหัวและตุ้มนี้ใช้วิธีกลึงโดย เครื่องมือโบราณซึ่งเป็นที่บรรพ
บุรุษได้เคยใช้ทำมาก่อน โดยตัดไม้ที่จะกลึงออก
เป็นท่อนๆ เส้น ผ่าศูนย์กลางประมาณ5 - 8นิ้วเจาะรูไว้ให้สามารถ
สวมเหล็กยึดไม้กลึงไว้ได้พอดีแล้วเริ่มกลึงด้วยเครื่องกลึง
ไม้แต่ละท่อนที่กลึงนี้
จะสามารถกลึงหัวหรือตุ้มได้ประมาณ 4- 5 อัน โดยกลึงให้ได้ขนาดที่ ต้องการก่อน จึงค่อยตัดแยกออก
จากกันอีกทีหนึ่ง
ซี่กลอนและค้ำ
ทำมาจากไม้ไผ่บง (ไผ่ตง
)เพราะเหนียวทนทานและสวยงามกว่าไม้ไผ่ชนิดอื่นๆ ในตอนแรกต้องตัดไม้ไผ่ออกเป็นท่อนๆ
ตาม
ความต้องการที่จะใช้ทำร่มแล้ว
ผ่าออกเป็นซี่กลอนและค้ำตามที่ต้องการ ไม้ไผ่ที่ผ่าออกนี้
ต้องจักออกเป็นซี่เล็กๆอีก โดยกะให้ได้ซี่กลอน ประมาณ 8 - 9 ชิ้นเหลาให้ตรงปลายเรียว
ส่วนโคนนั้นผ่ากลางแต่ไม่ตลอดตลอดแนว เพื่อสอดใส่ค้ำในภายหลัง
เจาะรู 2 รู สำหรับ ร้อยด้ายเข้ากับโคนของค้ำ
การทำค้ำทำโดยเหลาไม้ตามขนาดที่ต้องการให้เป็นชิ้นเรียวๆเหลาทั้งโคนและ
ปลายให้แบนสำหรับสอดใส่หัวและซี่กลอนต่อไปใช้สว่านเจาะเป็นรู 2 รู ในส่วนที่จะใส่ด้ายจากส่วนตุ้ม และ ด้ายตรงกลาง
ส่วนปลาย ใช้เหล็กแหลมลนไฟเจาะรู
เพราะถ้าใช้สว่านเจาะแล้ว จะทำให้ไม้ไผ่แตกง่าย การร้อยด้ายเพื่อประกอบโครงร่มนั้น
ร้อยตามรูของซี่กลอนและค้ำทุกชิ้น เอาด้ายพันเข้าไปในรูที่ทำไว้ตอนกลึงหัวร่ม
และตุ้ม สอดซี่ใส่เข้าไปใน ทุกๆ ช่อง ช่องละซี่
จนครบ
ส่วนค้ำที่สอดใส่ในช่องตุ้มในลักษณะเดียวกัน มัดด้ายให้แน่น
คันถือ
สำหรับร่มคันเล็ก ทำจากไม้เนื้ออ่อน
เหลาด้วยมีดให้สวยงาม ส่วนร่มใหญ่ใช้ไม้ไผ่ทำ
ม้า
เป็นสลักที่กางร่มออกแล้วไม่ให้หุบคืน
สำหรับร่มคันเล็กทำด้วยลวดสปริงร่มคันใหญ่ทำด้วยไม้ไผ่เหลา โดยเจาะช่องที่คันถือ
ที่เป็นไม้ไผ่ แล้วใส่ม้าเข้าไปในช่อง
ใช้ตะปูตอกให้ติดกัน เมื่อใช้มือบีดจะรัดตัวเข้าหากัน พอปล่อยมือจะดีดตัวออกจากกัน
ปลอกลาน
เป็นศูนย์รวมระหว่างหัวร่มคันถือและซี่ร่มทำหน้าที่เป็นตัวเคลื่อนขึ้น-
ลงเวลากางหรือหุบทำจากใบลาน ตัดเป็นชิ้นให้กว้างและ
ยาวตาม ขนาดที่พอเหมาะกับตัวร่ม
แล้วพันรอบหัวร่มให้เชื่อมระหว่างซี่กลอน กับหัวร่ม พันรอบอีกทีด้วยกระดาษสา ทากาว
หลายๆชั้น
จากนั้น คลุมร่มด้วยวัสดุที่ต้องการ เช่น กระดาษ ผ้าฝ้ายหรือผ้าแพร
ซึ่งไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่ประการใด เพียงแต่นำวัสดุ
อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่กล่าวมา
คลุมร่มแล้วทาด้วย กาว หรือ
แป้งเปียกแล้วรีดให้เรียบด้วยมือตัดให้ได้รูปตามโครงรูปที่คลุม
ก็เป็นอันใช้ได้ แป้งเปียกที่ใช้ทาร่มนี้
จะต้องผสมเข้ากับยางของผล ตะโกซึ่งได้จากการทุบผลตะโกให้ละเอียดแล้วจึงนำไปดอง
ไว้ประมาณ 3 เดือน จึงนำมาใช้น้ำตะโกนี้จะช่วยทำให้ร่มกันฝนได้และ
ทั้งยังช่วยทำให้ร่มตึง และช่วยทำให้แป้งเปียกเหนียว
ยึดวัสดุที่ใช้คลุมร่มเข้ากับโครงร่มให้สนิทดียิ่งขื้น
ในชั้นแรกทาแป้งเปียกที่ผสม
น้ำยางตะโกสัก 2 ครั้ง
ตากร่มให้แห้งแล้ว นำมาทาทับอีกครั้งด้วยแป้งเปียก ล้วนๆ นำออกตากแดด
ให้แห้ง อีกครั้งหนึ่ง
จึงนำไปทาสีโดยใช้สีต่างๆ ตามที่ต้องการสมัยก่อนมีเพียง 2 สี คือสี แดงและสีดำ สีแดงได้จากการนำสีของ
ดินแดงที่มีอยู่บนภูเขาส่วนสีดำนั้นได้มาจากการนำเขม่าไฟผสมน้ำมันยาง
การเขียนลวดลายบนร่ม
ในสมัยก่อนไม่ได้มีการเขียนลวดลายเหมือนในปัจจุบันเพียงใช้ร่มสีพื้นๆ 2 สี ตามที่กล่าวมาแล้วคือสีแดงและสีดำ การเขียน
ลวดลายบนร่มเพิ่งมีขึ้นไม่กี่สิบปีมานี้เอง
การเขียนลวดลายลงบนร่มนับว่ามีส่วนสำคัญ ในการช่วยทำให้ร่มขายดี ซึ่งสร้าง
ความสนใจ
ให้แก่นักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมสินค้าของหมู่บ้านนี้
ลวดลายที่เขียนนั้นมีหลายประเภทด้วยกัน เช่น ลายวิว
ลายดอกไม้ และลายสัตว์ต่างๆ
ช่างวาดภาพเหล่านี้แสดงฝีมือให้เห็นถึงความตื่นตา ตื่นใจต่อผู้ที่ได้ชมทั้ง ชาวไทย
และชาวต่างประเทศเป็นอย่างมาก
ช่างวาดภาพ
เหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนวาดภาพจากที่ไหนมา เพียงแต่ได้ฝึกมาจากผู้ใหญ่ที่เคย
วาดมาก่อน ที่หมู่บ้านบ่อสร้าง
นี้เอง
โดยฝึกกันมาตั้งแต่เป็นเด็กในการวาดลวดลาย ดอกไม้ ช่างวาดจะใช้พู่กันจิ้มสี 2 สี ข้างละสีในการวาดแต่ละครั้งซึ่งนับว่า
เป็นของแปลก ภาพที่ได้นั้นจะดูสวยงาม
สีกลมกลืนกันดีดอกไม้ที่วาดส่วนมากจะเป็น ดอกกุหลาบ การวาดก้าน และใบจะวาด
เมื่อภาพดอกไม้ที่วาดก่อนหน้านั้น ได้นำ ไปตากให้แห้งแล้ว ภาพสัตว์ต่างๆ
นั้นก็วาดขึ้นจากจินตนาการตามที่เห็นสวยงาม เช่น
ผีเสื้อ นก มังกร เป็นต้น
การเก็บรักษา ร่มบ่อสร้าง
หลักการเก็บรักษาร่มบ่อสร้างคือ
ไม่ให้ร่มโดนความชื้น กรณีที่ร่มอยู่ในกล่องให้เปิดฝากล่อง
เพื่อไม่ให้เกิดความอับชื้นเกิดขึ้น
และอาจจะนำลูกเหม็นมาใส่ไว้เพื่อปัองกันแมลงต่างๆ
กรณีที่ร่มโดนน้ำ หรือ ฝน
ให้ทำให้ร่มแห้งให้เร็วที่สุด จะเป็นการยืดอายุการใช้งานของร่มได้
ร่มบ่อสร้างนำไปทำอะไรได้เยอะกว่าที่คุณคิด
- นำไปตกแต่งบ้าน
หรือสวน ด้วยร่มถือ หรือ ร่มสนาม
- นำไปเป็นของชำร่วย
หรือ ของรับไหว้ งานแต่งงาน เช่น ร่มกระดาษสา หรือ ร่มผ้าแพรรัศมี 5 นิ้ว
หรือร่มผ้าแพร และร่มผ้าเคลือบสีน้ำมัน สีล้วนหรือเพ้นท์ลาย
เหมาะเป็นของรับไหว้ที่สร้างบรรยากาศ ความเป็นไทย
- นำไปใช้เป็นร่มสำหรับเดินขบวนขันหมาก
กันทั้งแดด และฝนได้
เพิ่มสีสันให้กับขบวนขันหมาก เช่น ร่มผ้าแพร รัศมี 14นิ้ว หรือ 17 นิ้ว
- นำไปใช้ให้ผู้เดินขบวนต่างๆ
เพิ่มความสวยงาม และยังกันแดด กันฝน ทำให้กับผู้ร่วมเดินขบวน
ทั้งยังสามารถเพ้นท์ตัวอักษร เพื่อเป็นของที่ระลึกได้
- นำไปใช้เป็นของขวัญสำหรับลูกค้า
สามารถสกรีนโลโก้บริษัท ได้
- นำไปตกแต่งงานสถานที่จัดงาน
Event ต่างๆ เช่นร่มผ้าแพร ที่ไม่เพ้นท์ลายและไม่ใส่ไหม
หรือเป็นร่มผ้าเคลือบสีน้ำมันสีล้วน
- นำไปทำเป็นช่อกฐิน
เช่น ร่มผ้าแพร รัศมี 10 นิ้ว หรือ 12
นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง 50 ซม. และ 60
ซม. ตามลำดับ
- นำไปตกแต่งเพดาน
ด้วยร่มผ้าเคลือบสีน้ำมัน รัศมี 12 นิ้ว, 14 นิ้ว หรือ รัศมี 17 นิ้ว
แล้วแต่ความต้องการของลูกค้า
- นำไปใช้เป็นอุปกรณ์เชียร์
ที่ช่วยสร้างสีสันในการเชียร์ได้เป็นอย่างดี เช่น ร่มผ้าแพร รัศมี 7 นิ้ว หรือ 5 นิ้ว หรือ 10
นิ้ว
- นำไปทำบุญถวายร่มให้กับพระสงฆ์
เช่น ร่มโบราณ ที่มีด้ามจับที่ยาว และตัวร่มกว้าง
- นำไปจัดตกแต่ง
ซุ้มประตู เช่นร่ม 3 ชั้น, ร่มโบราณ,
ร่มผ้าเคลือบสี้น้ำมัน หรือ ร่มผ้าแพร เป็นต้น
- นำไปใช้เป็น
ของขวัญสำหรับญาติผู้ใหญ่ หรือ เพื่อน
- นำไปใช้
ในกิจกรรมสร้างสรร ให้แขก หรือ พนักงาน หรือ เด็กนักเรียน เพ้นท์ร่ม
เช่น ร่มผ้าแพร รัศมี 5 นิ้ว, 10 นิ้ว, 12 นิ้ว,
14 นิ้ว หรือ 17 นิ้ว